ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม กี่วันเห็นผล 

การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะเริ่มเห็นผล ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด โดยในช่วงแรกกล้ามเนื้อจะค่อยๆ ผ่อนคลายและลดขนาดลง ทำให้กรอบหน้าดูเรียวและเล็กลงอย่างชัดเจนในเวลาต่อมา ดังนี้ 

• 1-3 วันแรก เป็นช่วงที่โบท็อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์ โดยการยับยั้งการส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจยังไม่เห็นผลชัดเจนในระยะแรก
• 4-14 วัน กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย แต่ยังไม่สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขนาดของกราม
• 1-6 เดือน โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ขนาดของกรามเริ่มเล็กลงอย่างสังเกตได้ ทำให้รูปหน้าดูเรียวสมส่วนขึ้น เป็นช่วงที่ผลลัพธ์จะอยู่ในช่วงที่ชัดเจนที่สุด ก่อนที่ฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะค่อย ๆ ลดลง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โบท็อกซ์เห็นผลภายในกี่วัน?

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม อยู่ได้กี่เดือน

การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จะมีผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การตอบสนองของร่างกาย พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อ และยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ดังนี้ 

• ขนาดของกล้ามเนื้อกราม คนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่หรือใช้งานหนัก เช่น บดเคี้ยวอาหารแข็งหรือนอนกัดฟัน อาจทำให้ฤทธิ์ของโบท็อกซ์สลายเร็วขึ้น
• การดูแลหลังการฉีด หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณกรามในช่วง 24 ชั่วโมงแรก งดการทำกิจกรรมที่ใช้ความร้อนสูง เช่น ซาวน่าหรือเลเซอร์บริเวณกรามในช่วงสัปดาห์แรก
• ยี่ห้อและคุณภาพของโบท็อกซ์ ควรเลือกโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐาน เพราะจะมีผลทั้งในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา 
• การตอบสนองของร่างกาย บางคนอาจมีการตอบสนองต่อโบท็อกซ์ช้าหรือเร็วกว่าเฉลี่ย ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของแต่ละบุคคล

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โบท็อกอยู่ได้กี่เดือน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เหมาะกับใคร

• ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อใหญ่ สาเหตุมาจากกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานหนัก เช่น การเคี้ยวข้าว เคี้ยวน้ำแข็ง การออกกำลังกายหนัก ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อในบริเวณนั้น ๆ 
• ผู้ที่ต้องการปรับหน้าเรียว สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วน มีมิติมากขึ้น 
• ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เพราะการฉีดโบท็อกซ์เป็นนหัตถการที่ทำไม่นาน หลังฉีดเสร็จสามารถกลับไปใช้กิจวัตรประจำวันได้
• ผู้ที่ไม่ต้องการผลลัพธ์ถาวร เพราะโบท็อกซ์สามารถคงผลลัพธ์ได้ 4-6 เดือน จึงเป็นหัถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทดลองปรับรูปหน้าเพียงชั่วคราว
• ผู้ที่ปวดกรามจากการนอนกัดฟัน ทำให้กรามทำงานหนักจึงทำให้เกิดอาการปวดได้ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดอาการปวดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อกรามได้
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติ เป็นหัตถการที่ไม่ได้ทำให้โครงหน้าเปลี่ยนจนเกินไป แต่สามารถให้ผลลัพธืที่เป็นธรรมชาติได้ดี

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โบท็อกซ์เหมาะกับใครบ้าง?

Botox เหมาะกับใคร?

ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดกราม

• ศึกษาคลินิก แพทย์ ไปจนถึงการตรวจสอบยาให้ถูกต้อง 
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดเพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำหรือบวม
• หลีกเลี่ยงยาบางชนิด งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, โอเมก้า 3 หรือยาต้านการอักเสบประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด (ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา)
• ผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มที่เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการรักษา
• หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณที่จะฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• แจ้งประวัติการแพ้ยา หากเคยแพ้โบท็อกซ์หรือมียาที่ใช้แล้วเกิดปฏิกิริยา ควรแจ้งแพทย์ก่อน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ข้อควรรู้ก่อน-หลัง ฉีดโบท็อกซ์

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ลดกราม

• งดกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด ห้ามกด นวด หรือจับบริเวณที่ฉีดใน 4-6 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนของตัวยา
• งดนอนราบ ไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคงเป็นเวลา 4 ชั่วโมงหลังฉีด
• หลีกเลี่ยงความร้อนสูง งดทำกิจกรรมที่ต้องเผชิญความร้อน เช่น ซาวน่า การอบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ควรงดประมาณ 1-2 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันการอักเสบและช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจน
• หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันแรก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการผิดปกติ เช่น อาการบวมแดงรุนแรง หรืออาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม มีข้อห้ามอะไรบ้าง

การฉีดโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ยังมีข้อห้ามและข้อควรระวังที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้ 

• หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ยังไม่มีการวิจัยที่ยืนยันความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์หรือผ่านน้ำนม
• ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Myasthenia Gravis, ALS) หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับความอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
• ผู้ที่แพ้สาร Botulinum Toxin หากเคยมีประวัติแพ้สารที่ใช้ในโบท็อกซ์ หรือสารกันบูดในผลิตภัณฑ์
• มีการติดเชื้อหรืออักเสบในบริเวณที่จะฉีด เช่น มีแผลสด แผลติดเชื้อ หรือสิวอักเสบ
• ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยาปฏิชีวนะบางชนิดในกลุ่ม Aminoglycosides หรือยาที่มีผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด
• อายุต่ำกว่า 18 ปี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์เห็นสมควรและได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

หลังฉีด โบท็อกซ์ ห้ามกินอะไร

หลังฉีดโบท็อกซ์ ดื่มกาแฟได้ไหม

นอนตะแคงหลังฉีดโบท็อกซ์ได้หรือไม่?