ฉีดโบท็อกซ์

ฉีดโบท็อกซ์

โบท็อกซ์ คืออะไร

โบท็อกซ์ คือ เป็นชื่อทางการค้าของ Botulinum toxin type A เป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium Botulinum ทำงานโดยการยับยั้งการส่งสัญญาณของเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดโบท็อกซ์เข้าไปคลายตัวชั่วคราว จึงทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ช่วยรักษาริ้วรอยบนใบหน้า ลดรอยเหี่ยวย่นหน้าผาก หางตา ตีนกา ทั้งยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้ V shape ขึ้น นอกจากนั้นการฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาอาการปวดไมเกรน กระชับรูขุมขน และช่วยรักษาอาการเหงื่อออกบริเวณ มือ รักแร้ เท้า

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โปรแกรม Botox คืออะไร? ฉีดตรงไหนได้บ้าง กี่วันเห็นผล

รวมเรื่อง ฉีดโบท็อกซ์ ถามมา-ตอบไป คำถามยอดฮิต ฉบับเข้าใจง่าย

รีวิวโบท็อกซ์

ฉีดโบท็อกซ์อันตรายมั้ย

การฉีดโบท็อกซ์ ไม่อันตราย หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น อย. ในประเทศไทย หรือ FDA ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของการฉีดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

  • ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ควรเลือกใช้โบท็อกซ์ที่เป็นตัวยาแท้ มีการรับรองคุณภาพ เพราะหากให้โบท็อกซ์ปลอม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงต่อกล้ามเนื้อได้
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์ หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงเกินไป ใบหน้าไม่สมดุล หรือมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อได้
  • การเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการชัดเจน อุปกรณ์และสิ่งแวดล้อมในสถานพยาบาลต้องสะอาด ปลอดเชื้อ และมีรีวิวหรือผลตอบรับที่ดีจากผู้รับบริการ
  • การตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้รับบริการ แพทย์ควรประเมินสุขภาพของผู้รับบริการก่อนฉีด เช่น โรคประจำตัว การแพ้ยา หรือประวัติการฉีดสารเติมเต็มอื่น ๆ โดยผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงการฉีด หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน
  • การดูแลตนเองหลังฉีด การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะเป็นการคงผลลัพธ์และรักษาประสิทธิภาพในการทำงานของโบท็อกซ์ให้ดีที่สุด 
  • การเลือกปริมาณโบท็อกซ์ที่เหมาะสม การฉีดโบท็อกซ์มากเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงอ่อนแรงเกินจำเป็น หรือเกิดปัญหาใบหน้าผิดสมดุล
  • การรักษาระยะห่างระหว่างการฉีด ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ถี่เกินไป ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักตัว และหากมีการฉีดถี่เกินไปอาจทำให้ร่างกายดื้อโบท็อกซ์ได้ 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ข้อควรรู้! ฉีดโบท็อกซ์ ราคาถูก ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี อันตรายจริงไหม ?

รีวิวโบท็อกซ์

อาการดื้อโบท็อกซ์เกิดจากอะไร

อาการดื้อโบท็อกซ์ เกิดจากร่างกายไม่ตอบสนองต่อโบท็อกซ์ หรือประสิทธิภาพโบท็อกซ์ลดลงหลังจากมีการฉีดไปหลายครั้ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังนี้

  • ฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป เมื่อมีการฉีดมากหรือถี่เกินไป อาจทำให้ร่างกายกระตุ้นการสร้าง Antibody ขึ้น เพื่อต่อต้านสาร Botulinum Toxin ซึ่งควรเว้นระยะ 3-6 เดือนต่อครั้งเพื่อให้ร่างกายพัก
  • คุณภาพของโบท็อกซ์ การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือโบท็อกซ์ปลอม อาจมีโปรตีนเจือปนในปริมาณที่มาก ส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น จนเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ได้
  • ปฏิกิริยาของร่างกายแต่ละบุคคล ระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนอาจไวต่อการสร้างแอนติบอดีมากกว่า หากร่างกายสร้างแอนติบอดีในปริมาณมาก ก็สามารถทำให้การฉีดโบท็อกซ์ในครั้งถัดไปไม่ได้ผล

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล 

เวลาการเห็นผลลัพธ์นั้นจะมีความแตกต่างงกันไปตามตำแหน่งที่ฉีด ยี่ห้อของโบท็อกซ์ และปริมาณของยาที่ใช้ แต่ส่วนมากมักจะมีระยะเวลาดังนี้

1-3 วันหลังฉีด กล้ามเนื้อจะเริ่มคลายตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ในบางรายที่มีกล้ามเนื้อน้อย ไม่ใหญ่มากอาจรู้สึกว่าบริเวณที่ฉีดเริ่มตึงขึ้นเล็กน้อย

4-7 วันหลังฉีด ริ้วรอยเริ่มลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีด เช่น หน้าผาก รอบดวงตา หรือระหว่างคิ้ว

10-14 วันหลังฉีด ผลของโบท็อกซ์จะชัดเจนที่สุดในช่วงนี้ กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจะหยุดทำงานชั่วคราว ทำให้ใบหน้าจะดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล

รีวิวโบท็อกซ์

โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน

ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ มักจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังฉีด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อเป็นการคงผลลัพธ์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโบท็อกซ์

ฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ผู้ที่มีริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยย่นที่หน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว รอยจากการแสดงสีหน้า
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ต้องการหน้าเรียวขึ้น ผู้ที่ต้องการปรับลุคใบหน้าให้ดูละมุนหรือสมส่วนมากขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก  ผู้ที่มีเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อและเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ อย่างผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกระตุกที่ใบหน้า และผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนเรื้อรัง นอกจากนั้นการฉีดโบท็อกซ์ยังสามารถลดอาการออฟฟิตซินโดรมได้
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความคมชัดให้แก่กรอบหน้า ลิฟท์หน้าเรียว ลิฟท์กรอบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน เพิ่มความเรียบเนียนให้แก่ใบหน้า 
  • ผู้ที่มีโหนกแก้มใหญ่ อยากลดขนาดของกรามลง
  • ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อขาใหญ่ ต้องการลดขนาดน่อง ให้ขาเรียว เล็กลง
  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้าแขน  ลดบ่า

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โบท็อกซ์เหมาะกับใคร

ฉีดโบท็อกซ์บริเวณไหนได้บ้าง

กราม

ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ และช่วยปรับใบหน้าให้เรียวเล็กขึ้น

@wandeeclinic

เติมโบหนึ่งที หน้าก็เรียวขึ้นทันตา! 💉 𝗕𝗼𝘁𝗼𝘅 ลดกราม ตัวช่วยปรับรูปหน้าแบบเห็นผลไว ที่ 𝗪𝗮𝗻𝗱𝗲𝗲 𝗖𝗹𝗶𝗻𝗶𝗰 หน้ากระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น✨ เสน่ห์เพิ่มเป็น 𝟭𝟬 เท่า!!💖💖 #WandeeClinic #วันดีคลินิก #รีวิวคลีนิก #รีวิววันดีคลีนิก #รีวิวเสริมความงาม #โปรแกรมโบท็อก #Botox #โปรแกรมโบท็อกซ์ #โปรแกรมโบท็อกซ์ลิฟกรอบ #โปรแกรมโบท็อกซ์วันดีคลินิก #ฉีดโบท็อก

♬ เสียงต้นฉบับ – WandeeClinic – WandeeClinic

หน้าผาก

ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ อย่างการยกคิ้ว การขมวดคิ้ว ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้หน้าผากเรียบเนียนขึ้น

รอบดวงตา

ช่วยลดรอยตีนกา เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีรอยลึกข้างดวงตาและผู้ที่ยิ้มบ่อย

รอบดวงตา

กระชับรูขุมขน

เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ต้องการให้หน้าเรียบเนียนและกระชับขึ้น

รูขุมขน

คอ

ช่วยลดริ้วรอยบริเวณลำคอที่เกิดจากอายุหรือผิวหย่อนคล้อย จะช่วยในการยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้น

ฉีดบริเวณศีรษะ บ่า ไหล่ ท้ายทอย

สำหรับรักษาไมเกรน

รักแร้

เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงื่ออกมากกว่าปกติ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และช่วยลดกลิ่นตัวที่เกิดจากเหงื่อได้

ฝ่ามือ ฝ่าเท้า

ช่วยลดเหงื่อที่บริเวณมือและเท้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงื่ออกบริเวณมือและเท้ามากกว่าปกติ

ฝ่ามือ

น่อง

เหมาะสำหรับผู้ที่มีน่องขาใหญ่ อยากลดขนาดน่องขาเพื่อทำให้ขาเรียว สวยขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

รีวิว โบท็อกซ์ลดน่อง จากคุณมินนี่ รีวิวฉีดโบท็อกซ์ โบท็อกซ์ขอนแก่น

กล้ามเนื้อต้นแขน

เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกล้ามแขนที่มีขนาดใหญ่ ช่วยให้เแขนดูเรียวขึ้น

โบท็อกซ์ลดต้นแขน

โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ อะไรบ้าง

ปัจจุบันในประเทศไทยมีโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่หลายยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

Allergan โบท็อกซ์สายพันธ์อเมริกา เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อแรกที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้รักษาริ้วรอยได้ โดย Allergan ใช้สารที่ได้รับความนิยมอย่าง Onabotulinumtoxin A มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% มีด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่ Allergan จำนวน 50 ยูนิต และจำนวน 100 ยูนิต

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Allergan คือ กระจายตัวแคบ ทำให้สามารถฉีดแล้วได้ตำแหน่งที่แม่นยำ ได้บริเวณที่ต้องการ ทั้งยังมีความเสี่ยงในการดื้อยาน้อยมาก ทั้งยังสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 5-6 เดือน 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Allergan Botox คือ โบท็อกจากอเมริกา คุณภาพอันดับหนึ่ง ปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย

Allergan Botox

Dysport โบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ ใช้สาร Abobotulinumtoxin A เป็นโบท็อกซยี่ห้อที่มีโมเลกุลเล็ก ทำให้ยากระจายตัวเป็นวงกว้าง จึงเหมาะกับบริเวณที่ต้องการกระจายตัว เช่น บริเวณน่อง กราม หรือการลดเหงื่อ

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Dysport คือ กระจายตัวกว้าง ไม่ทำให้หน้าแข็งหรือตึงหลังฉีด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งทื่อ ทั้งยังสามารถเห็นผลเร็ว มีโอกาสดื้อโบท็อกซ์น้อย สามารถเห็นผลลัพธ์ประมาณ 4-6 เดือน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 

Dysport Botox 

Dysport Botox

Xeomin โบท็อกซ์จากประเทศเยอรมัน ใช้สาร Incobotulinum Toxin A ในการผลิต ทำให้เป็นโบท็อกซ์ที่ไม่มีโปรตีนเจือปน มีขนาดโมเลกุลเล็ก มีความบริสุทธิ์สูง และมีโอกาสในการดื้อยาน้อย 

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Xeomin คือ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ทำให้กล้ามเนื้อแข็งตัวจนเกินไป และเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดื้อโบท็อกซ์ สามารถคงผลลัพธ์ประมาณ 3-4 เดือน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

Xeomin Botox

Xeomin botox

Nabota โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี เป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% เพราะใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง HI-PURE Technology ทั้งยังออกฤทธิ์ไว และมีโอกาสดื้อยาน้อย ทำให้ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Nabota คือ สามารถเห็นผลได้เร็ว 3-5 วัน เป็นโบท็อกซ์ที่มีราคาย่อมเยา สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าโบท็อกซ์ยุโรป สามารถเห็นผลลัพธ์ประมาณ 4-6 เดือน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Botox Nabota คือ ดีไหม ? ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร ? พร้อมวิธีดูโบท็อกซ์แท้

Aestox เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี เป็นรุ่นที่มีการกระจายตัวแคบ ให้ความแม่ยำสูงในการรักษา จึงเหมาะสำหรับฉีดในบริเวณริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ทั้งยังมีราคาประหยัดกว่าโบท็อกซ์ยี่ห้อยุโรป ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ 

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Aestox คือ กระจายตัวแคบ ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่แม่นยำ สามารถรักษาริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี มีความบริสุทธิ์สูง 99.5% ทำให้มีโอกาสดื้อยาน้อย และออกฤทธิ์ค่อนข้างไว สามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-5 เดือน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

Aestox Botox 

Aestox Botox

Hugel เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี เป็นตัวยาที่มีการกระจายตัวแคบ มีความบริสุทธิ์สูง เพราะมีโปรตีนเจอปนต่ำ ทำให้โอกาสดื้อยาอยู่ในระดับต่ำและออกฤทธิ์ไว 

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Hugel คือ เห็นผลลัพธ์เร็วใน 3-5 วันหลังฉีด มีความบริสุทธิ์สูง สามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-5 เดือน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Botox Hugel ดีไหม ต่างกับโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?

Hugel Botox

Clodew โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ใช้กระบวนการผลิตที่ทันสมัย จึงทำให้ได้โบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์และมีความปลอดภัยสูง จึงลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงอย่างการดื้อโบท็อกซ์สูง ทั้งยังมีการกระจายตัวสูง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงเป็นโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ

จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Clodew คือ มีความบริสุทธิ์สูง เพราะผลิตด้วยกระบวนการที่ทันสมัย กระจายตัวเหมาะสม สามารถครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในราคาย่อมเยา สามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 4-6 เดือน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

Clodew Botox

Clodew Botox

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Botox แต่ละยี่ห้อที่ Wandee clinic ดีอย่างไร

ฉีดโบท็อกซ์ข้อดี - ข้อเสีย

ข้อดี 

  • ลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว ทั้งยังสามารถปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก โดยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม
  • เห็นผลเร็วและไม่ต้องพักฟื้น เริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน และไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถทำกิจกรรมตามปกติหลังฉีด
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ที่ดูไม่แข็งเกินไป ทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ปรับลุคใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคโดยไม่ต้องทำศัลยกรรม โดยสามารถยกคิ้ว ยกมุมปาก หรือยกกระชับกรอบหน้าได้
  • ช่วยรักษาปัญหาสุขภาพ ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนเรื้อรัง แก้ไขอาการกล้ามเนื้อกระตุก เช่น เปลือกตากระตุก รวมไปถึงสามารถลดเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น ที่รักแร้ ฝ่ามือ
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับศัลยกรรม ราคาการฉีดโบท็อกซ์อยู่ในเกณฑ์ที่เข้าถึงได้ และเหมาะกับผู้ที่ต้องการทดลองปรับลุคชั่วคราว
รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์ชั่วคราว โบท็อกซ์มีผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
  • ความเสี่ยงในการดื้อโบท็อกซ์ หากฉีดบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ร่างกายอาจสร้างแอนติบอดีต่อต้านโบท็อกซ์ ทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น อาการที่สามารถพบได้เป็นปกติอย่างอาการช้ำ บวม แดง หรือปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด 
  • ต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ หากฉีดโดยบุคคลที่ไม่มีความรู้ อาจเกิดความเสียหายต่อกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทได้
  • ไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรหลีกเลี่ยง
รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic

ข้อปฏิบัติตัวที่ควรรู้ก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์

ก่อนฉีดโบท็อกซ์

  • งดการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน หรือวิตามิน E  งดอาหารเสริมบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ เช่น น้ำมันปลา โสม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นฟู
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ก่อนเข้ารับการฉีด ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า 
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ ควรแจ้งโรคประจำตัว การใช้ยา หรืออาการแพ้ใดๆ ให้แพทย์ทราบ หรือหากเคยฉีดโบท็อกซ์มาก่อน ให้แจ้งยี่ห้อ ปริมาณ และบริเวณที่ฉีด

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

หลังฉีดโบท็อกซ์ 

  • นั่งหรือนอนศีรษะสูง หลีกเลี่ยงการนอนราบอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์กระจายไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
  • ขยับกล้ามเนื้อเบา ๆ การขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้วเบาๆ ในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรก อาจช่วยให้โบท็อกซ์กระจายตัวได้ดีขึ้น 
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ ดื่มน้ำเพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดจุด งดการนวดหน้า กดบริเวณที่ฉีด หรือทำหัตถการใดๆ บริเวณนั้นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก 
  • งดออกกำลังกายหนัก งดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 24-48 ชั่วโมง 
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนจัด งดการอบซาวน่า การใช้ไดร์เป่าผมร้อน หรืออยู่ในที่อากาศร้อนจัดในช่วง 1 สัปดาห์แรก 
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อช่วยให้โบท็อกซ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
  • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังฉีด
รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic

ผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อกซ์

โดยทั่วไปผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้

ผลข้างเคียงเล็กน้อย (มักพบได้ชั่วคราว) 

  • รอยแดงหรือบวมบริเวณที่ฉีด เกิดจากเข็มที่แทงเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งปกติจะหายได้เองภายใน 24-48 ชั่วโมง 
  • รอยช้ำ อาจเกิดจากเข็มกระทบเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งมักหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
  • อาการตึงหรือเจ็บเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีด มักหายภายในไม่กี่วัน
  • ปวดศีรษะ บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อยหลังฉีด แต่จะหายได้เองใน 1-2 วัน
  • ผิวไม่เรียบเนียนในจุดฉีด เกิดจากการกระจายตัวของโบท็อกซ์ที่ยังไม่เข้าที่

ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้ยาก)

  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดปกติ อาการนี้มักเกิดจากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น หนังตาตก (Eyelid Ptosis) หรือมุมปากตก หากโบท็อกซ์กระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อใกล้เคียง มักหายได้เองใน 3-6 สัปดาห์
  • ใบหน้าไม่สมดุล เกิดจากการฉีดปริมาณไม่เท่ากันในแต่ละด้าน หรือโบท็อกซ์กระจายไม่สม่ำเสมอ
  • อาการแพ้โบท็อกซ์ อาการแพ้ที่อาจพบได้ เช่น ผื่นแดง คัน หรือหายใจลำบาก (พบได้น้อยมาก)
  • ตาพร่า หรือกล้ามเนื้อตากระตุก อาจเกิดขึ้นหากฉีดใกล้บริเวณรอบดวงตา
  • กลืนลำบากหรือพูดลำบาก หากฉีดบริเวณลำคอ อาจทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืนหรือพูดได้รับผลกระทบ 
  • ติดเชื้อในบริเวณที่ฉีด อาจเกิดขึ้นหากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานความสะอาด

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

ผลข้างเคียงของโบท็อกซ์

 

รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic

ปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยง

  • การฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
  • การใช้โบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือโบท็อกซ์ปลอม
  • การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีด เช่น การนวดหน้าหรือออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก
  • การฉีดในปริมาณที่มากเกินไปหรือฉีดถี่เกินไป

การป้องกันและดูแลผลข้างเคียง

  1. เลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และแพทย์ที่มีใบอนุญาต
  2. ใช้โบท็อกซ์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. หรือ FDA
  3. ปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด
  4. หากมีอาการผิดปกติ เช่น หนังตาตก รู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออาการแพ้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic

ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไหร่

การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นหัตถการที่มีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ใช้ และบริเวณที่ฉีด รวมไปถึงการลดราคาหรือโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกหรือสถานพยาบาล ทั้งนี้ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ที่มีราคาถูกจนเกินไป เพราะอาจเป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออาจมีสารอื่นปนเปื้อนในตัวยาได้

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์

  • ตั้งครรภ์และให้นมบุตร หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อทารก
  • โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ที่มีปัญหานี้ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากโบท็อกซ์อาจเพิ่มความเสี่ยงของกล้ามเนื้ออ่อนแรงมากขึ้น
  • โรคเลือดออกผิดปกติหรือรับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือรับประทานยากลุ่มแอสไพรินหรือยาละลายลิ่มเลือด
  • แพ้สาร Botulinum Toxin หรือส่วนผสมในโบท็อกซ์ ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ Botulinum Toxin หรือโปรตีนในผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ ควรหลีกเลี่ยง
  • การฉีดในบริเวณที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบ เช่น มีแผล ติดเชื้อ หรือการอักเสบบริเวณที่จะฉีด
  • การฉีดในบริเวณที่เพิ่งผ่านการศัลยกรรมหรือหัตถการอื่น ๆ ควรเว้นระยะเวลาให้บริเวณนั้นฟื้นตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์ 
  • ผู้ที่ทานยาที่มีผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Aminoglycosides ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงจากโบท็อกซ์ 
  • ผู้ที่ทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา โสม วิตามิน E หรืออาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของรอยช้ำ 
  • ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี การฉีดโบท็อกซ์มักไม่แนะนำสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง
  • ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอหรือพักฟื้นจากการเจ็บป่วย เช่น ผู้ที่เพิ่งฟื้นตัวจากไข้หวัดใหญ่หรือโรคติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด โบท็อกซ์

รีวิวโบท็อกซ์ Wandee Clinic